fbpx

อัพเดต 5 เทรนด์ตีตลาดความงามปี 2018 ที่คุณต้องห้ามพลาด!

Printประเทศไทย ถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตหลายด้าน ด้วยความได้เปรียบทางด้านวัตถุดิบจากธรรมชาติและความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย ทำให้เราสามารถผลิตสินค้าที่ถูกใจผู้บริโภคทั่วโลกได้เป็นอย่างดี หนึ่งในธุรกิจที่บ้านเรามีความเชี่ยวชาญและยังสามารถทำรายได้สูง นั่นคือ ธุรกิจความสวยความงาม อย่างเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณต่างๆ ทำให้มูลค่าของตลาดเครื่องสำอางไทยอยู่ที่ประมาณ 2.8 แสนล้านในปี 2559 ส่วนมูลค่าของตลาดสินค้าความงามทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 9.3 ล้านล้านบาท ฉะนั้นแล้วธุรกิจนี้จึงกลายเป็นธุรกิจที่เต็มไปด้วยโอกาสที่ให้ใครหลายคนกระโดดเข้าไปเล่น แต่ก่อนอื่นนั้นผู้ประกอบการ SME อาจจะต้องรู้ทันเทรนด์ที่จะมาในอนาคตอันใกล้ไว้ด้วย เพื่อเตรียมตัวรับมือต่อสู้กับตลาดความสวยงามนี้ 

1. Cruelty free Selected

cf-logos

คนยุคใหม่มีความตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผู้บริโภคในกลุ่มความสวยงามก็เช่นเดียวกัน โดยขณะนี้ผู้บริโภคทั่วโลก โดยเฉพาะในแถบยุโรปมักจะมีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ที่สำคัญคือไม่ทดลองกับสัตว์ หรือที่เรียกว่า Cruelty free โดยแบรนด์เหล่านี้จะมีสัญลักษณ์กระต่ายอยู่บนผลิตภัณฑ์ เป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจยุคที่คนให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเลยทีเดียว สำหรับแบรนด์ที่เป็น Cruelty free เช่น Too Faced, NYX Cosmetics, The Body Shop แต่นอกจากนี้ ความดียังต้องมาพร้อมกับประสิทธิภาพสูงสุด อย่าลืมเรื่องของคุณภาพที่ผู้บริโภคก็ยังมองหาเช่นเดียวกัน

 

2. Instant Beauty
AureliagallineeVichy_Slow_Age_Eye_Cream_15ml_1490957961

อีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าสนใจคือการที่ผู้บริโภคจะเริ่มมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีการเห็นผลทันที หรือว่ามีการใช้นวัตกรรมเข้ามาทำให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์มากขึ้น โดยเฉพาะในยุคนี้ที่ผู้บริโภคต้องเผชิญมลภาวะ ความเครียดจากงาน สภาพสังคม สิ่งแวดล้อม ทำให้พวกเขามองหาผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยบำรุงผิวได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมผสานเชื่อมโยงกับสูตรธรรมชาติ เช่น ในตอนนี้ที่หลายแบรนด์มีการนำ  Probiotics มาใช้ในการคิดค้นสูตรใหม่ๆ ของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกันมากขึ้น เช่น Aurelia Miracle Cleanser, Gallinée La Culture Hand Cream, Vichy Slow Age Eye Cream

 

3. Zero waste is good
Kiehlslogo-1

หนึ่งในสิ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ผู้บริโภคยอมจ่ายเงินกับแบรนด์ความสวยความงามมากขึ้น นอกจากประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ แพ็กเกจจิ้งสวยงาม นั่นคือการที่แบรนด์ของคุณมีภาพลักษณ์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม มีความยั่งยืน Zero Waste ย่อยสลายง่าย โดยผู้บริโภคจะดูถึงจริยธรรมในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมก่อนที่จะตัดสินใจซื้อมากขึ้น โดย 51% ของการใช้จ่ายของผู้บริโภคให้แก่แบรนด์ความสวยความงามจะคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ แพ็กเกจจิ้งย่อยสลายง่าย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายธรรมชาติ เช่น แบรนด์ไทย Vowda หรือ Kiehl’s ที่เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติและบรรจุภัณฑ์ยังสามารถรีไซเคิลได้อีกด้วย

 

4. Beauty Comes In HD

make-up-for-ever-ultra-hd-foundation-group

ผู้บริโภคยุคนี้มักจะชอบความเรียล หรือความสมจริง ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวโดยเฉพาะธุรกิจเครื่องสำอางที่จะต้องตามให้ทัน โดยเฉพาะสาวๆ ในยุคนี้ที่มักจะชอบแต่งหน้าสไตล์ No-makeup makeup คือแต่งแล้วแต่ดูเหมือนไม่ได้แต่ง ดูผิวสวย ปราศจากรูขุมขน เพราะฉะนั้นแบรนด์จะต้องนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิต เพราะผู้บริโภคต้องการโซลูชั่นแบบ High Definition หรือแบบที่มีความละเอียดสูง เห็นได้ชัดจากผลิตภัณฑ์พวกรองพื้นจะต้องมีความเรียบเนียน ดู Glow ทำให้ผิวดี ไม่หนักหน้า ตื่นมาก็สวยแบบนี้เป็นที่มาของ Hashtag ยอดนิยมอย่าง #iwokeuplikethis #nomakeup #nofilter สำหรับเครื่องสำอางที่มีความ HD สูงๆ อย่างเช่น Coscos, MAKE UP FOR EVER

 

5. Men Care Aesop-protect-against-pollution

ปิดท้ายที่เทรนด์ซึ่งกำลังมาแรงแซงทางโค้งในตลาดความงาม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำหรับสุภาพบุรุษ รวมไปถึงMen’s Grooming ที่เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากผู้ชายในยุคนี้หันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของเส้นผม สภาพผม ตัดแต่งทรงผม จัดทรง ดูแลหนังศีรษะ ไม่ยอมปล่อยให้ตนเองผมร่วงหรือหัวล้านแบบในสมัยก่อน นอกจากนี้หนุ่มๆ ยุคนี้หันมาดูแลผิวพรรณมากขึ้น มีผลิตภัณฑ์มากมายที่ตอบโจทย์ผู้ชายโดยเฉพาะ ทำให้หลายแบรนด์ที่ก่อนหน้านี้ดูแลเอาใจใส่เฉพาะสาวๆ ก็หันมาแตกไลน์เอาใจหนุ่มๆ กันบ้างแล้วและเทรนด์ Men Care ก็ยังจะอยู่คู่กับเราไปอีกนานเลยล่ะ แบรนด์สำหรับหนุ่มๆ ที่น่าสนใจอย่างเช่น Aesop, Naturopathica


Credit : https://goo.gl/ENCwz5