แนวโน้มในการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจเครื่องสำอาง พบว่า ช่องทางออนไลน์ ได้เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ความงามไปอย่างมาก ดังนั้นจึงมีโอกาสทำให้เกิดการเริ่มต้นเป็นเจ้าของธุรกิจ และ สร้าง แบรนด์เป็นของตัวเอง
จากผลการวิจัยใหม่ของ Orbis พบว่า ตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทั่วโลกระหว่าง ปี 2562-2566 คาดว่าจะเติบโต 7.14% มีมูลค่าตลาด กว่า 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะที่ประเทศไทยในปี 2560 มีมูลค่าตลาดรวม 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แบ่งเป็น
– สกินแคร์ 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 47%
– เครื่องสำอาง 658 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 14%
– เวชสำอาง 752 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สัดส่วน 16%
– ผลิตภัณฑ์บำรุงผม 846 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สัดส่วน 18%
– อื่นๆ 5%
วิธีการสร้างแบรนด์นั้น เริ่มจากอะไร และควรคำนึงถึงอะไรเป็นสำคัญ
1. จะขายอะไรดี
ต้องสามารถตอบคำถามกับตัวเองให้ได้ก่อนว่าเรากำลัง จะเริ่มต้นทำอะไร
– กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรานั้น คือ ใคร กลุ่มไหน อายุเท่าไหร่ และ มีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่?
– ผลิตภัณฑ์ของเรา จะวางจำหน่ายช่องทางไหน หรือ สถานที่ไหน?
– ผลิตภัณฑ์ที่จะทำ นั้นแตกต่าง หรือ มีข้อดี กว่า ผลิตภัณฑ์ ที่วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดอย่างไร?
– ปัญหาของผลิตภัณฑ์ชนิดเดียว ที่มีวางขายอยู่ในท้องตลาดนั้นคืออะไร?
– ผลิตภัณฑ์ที่จะทำ สามารถแก้ไขปัญหาหรือตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้จริงหรือไม่?
2. รู้จักคู่แข่งในกลุ่มของผลิตภัณฑ์เดียวกัน
รู้จักคู่แข่งในกลุ่มของผลิตภัณฑ์เดียวกัน ได้จาก Google, Pantip หรือ Hashtag ใน Instagram พยายามหาจุดแข็ง และ จุดอ่อน วิธีการทำการตลาด วิธีการขาย การตอบคำถามลูกค้า คำติชมของลูกค้า แบรนด์คู่แข่ง เพราะ นี่คือโอกาสที่ให้เราได้เรียนรู้ ข้อผิดพลาดของแบรนด์ และ ความต้องการของลูกค้าได้แบบยังไม่ต้องลงทุน
3. รู้จักผู้บริโภค
– เราจะขายสินค้าให้กับใคร และ ผู้บริโภค ของเราต้องการอะไร
– การใช้ Google Trends ในการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค พฤติกรรมการเลือกซื้อ เทรนด์มาแรง กระแสผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมทั้ง กระแสที่กำลังจะตกลง
มาลองดูการเปรียบเทียบสินค้าที่ใกล้เคียงกัน ด้วย Keyword
“ Cushion BB Cream CC Cream and DD Cream ”
4. บรรจุภัณฑ์ ใครว่าไม่สำคัญ
รูปลักษณ์ของสินค้า และ บรรจุภัณฑ์ คือ การตลาดที่ผู้บริโภคจับต้องได้และแชร์ต่อได้ง่ายที่สุด ดังนั้น การออกแบบ การเลือกสี การเลือกวัสดุของบรรจุภัณฑ์ จึงมีความสำคัญมาก บรรจุภัณฑ์ที่ดีจะต้อง
– ดึงดูดสายตา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว น่าจับต้อง เช่น รูปทรงที่ทันสมัย ความสวยงาม มาตรฐานของบรรจุภัณฑ์ ที่มีคุณภาพสูง แข็งแรงทนทาน และ คำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้ของผู้บริโภค
– การสื่อสารกับผู้บริโภค โดยใช้สีที่เหมาะสมในการสื่ออารมณ์ของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ง่ายต้องการเข้าถึงผู้บริโภคสามารถมองแล้วรู้ได้ทันทีว่า คือ ผลิตภัณฑ์ อะไร มีคอนเซ็ปต์ของสินค้าหรือแบรนด์อย่างไร
– ปกป้องผลิตภัณฑ์ได้จริง เช่น ครีมกันแดด หรือ ครีมรองพื้น ที่เนื้อผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของสารเคมี หากบรรจุในบรรจุภัณฑ์ ที่ไม่ได้คุณภาพหรือไม่ได้รองรับเนื้อสารเคมีโดยเฉพาะ อาจจะส่งผลเสียถึงเนื้อผลิตภัณฑ์ที่แปรสภาพ รวมทั้ง อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ และท้ายที่สุด แบรนด์จะเสียภาพลักษณ์
ควรเลือก บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรองรับสารเคมีในครีมกันแดดได้ อาทิ เช่น ขวดพลาสติกชนิด PE 5 ชั้น ประกอบไปด้วย (PE+EV+PE)
– บรรจุภัณฑ์ที่ดีและมีคุณภาพ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ทำให้สินค้าดูน่าจับต้องหรือน่าซื้อเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์อีกด้วย
ขอขอบคุณที่มาจาก https://www.liveabout.com